Search Ads vs Display Ads ต่างกันอย่างไร ยิงโฆษณาให้เหมาะกับคุณ

การทำโฆษณาออนไลน์เป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจเข้าถึงลูกค้าได้ตรงจุดมากขึ้น โดยเฉพาะบนแพลตฟอร์มของ Google ที่มีรูปแบบโฆษณาให้เลือกหลากหลาย แต่สองรูปแบบที่เจ้าของธุรกิจมักสับสนและลังเลอยู่เสมอ คือ Search Ads และ Display Ads แม้ทั้งสองจะอยู่ในระบบเดียวกัน แต่กลไก วิธีการแสดงผล และผลลัพธ์ที่ได้กลับแตกต่างกันอย่างชัดเจน

หลายธุรกิจเริ่มต้นยิงโฆษณาโดยยังไม่เข้าใจว่าโฆษณาแต่ละประเภทตอบโจทย์เป้าหมายแบบไหน บางรายคาดหวังยอดขายทันที แต่เลือกใช้รูปแบบที่เน้นการมองเห็นมากกว่า ทำให้งบโฆษณาถูกใช้ไปโดยไม่เกิดผลลัพธ์ที่ชัดเจน การเข้าใจความแตกต่างของ Search Ads และ Display Ads จึงเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการวางแผนการตลาดดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ

บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจว่า Search Ads และ Display Ads คืออะไร ต่างกันอย่างไร และธุรกิจแบบไหนควรเลือกใช้รูปแบบใด เพื่อให้ทุกบาทของงบโฆษณาสร้างผลลัพธ์ที่คุ้มค่าและนำไปสู่การตัดสินใจของลูกค้าได้จริง

 

ความสำคัญของการเข้าใจ Search Ads และ Display Ads

การยิงโฆษณาออนไลน์ให้ได้ผลขึ้นอยู่กับความเข้าใจว่าโฆษณาที่เลือกใช้นั้นสอดคล้องกับเป้าหมายทางธุรกิจหรือไม่ Search Ads และ Display Ads ถูกออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่ต่างกัน หากเลือกผิดประเภท ผลลัพธ์ที่ได้อาจไม่ตรงกับสิ่งที่คาดหวัง แม้จะมีจำนวนคลิกหรือการมองเห็นสูงก็ตาม

ตัวอย่างที่พบได้บ่อยคือ ธุรกิจที่ต้องการยอดขายหรือการติดต่อเข้ามาในระยะสั้น แต่เลือกใช้ Display Ads เป็นหลัก โฆษณาอาจถูกเห็นในวงกว้าง แต่ผู้ชมยังไม่ได้อยู่ในช่วงที่พร้อมตัดสินใจ ทำให้อัตราการเปลี่ยนเป็นลูกค้าค่อนข้างต่ำ ในทางกลับกัน หากเป็นแบรนด์ใหม่ที่ยังไม่มีใครรู้จัก แต่เริ่มต้นด้วย Search Ads อย่างเดียว โอกาสในการถูกค้นหาอาจยังมีไม่มาก ส่งผลให้แคมเปญไม่เติบโตเท่าที่ควร

การเข้าใจความแตกต่างของโฆษณาทั้งสองรูปแบบช่วยให้ธุรกิจวางแผนการตลาดได้สอดคล้องกับเส้นทางการตัดสินใจของลูกค้า ตั้งแต่การสร้างการรับรู้ ไปจนถึงการกระตุ้นให้เกิดการติดต่อหรือซื้อจริง เมื่อตั้งเป้าหมายได้ชัด การเลือกประเภทโฆษณา การจัดสรรงบประมาณ และการวัดผลก็จะทำได้แม่นยำมากขึ้น

จากประสบการณ์ในการดูแลแคมเปญ Google Ads ให้กับธุรกิจหลากหลายประเภท การเริ่มต้นจากความเข้าใจพื้นฐานนี้ช่วยลดการสูญเสียงบโฆษณาโดยไม่จำเป็น และทำให้ทุกขั้นตอนของการยิงแอดมีเหตุผลรองรับ ไม่ใช่การลองผิดลองถูกเพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อผลลัพธ์ระยะยาวของธุรกิจโดยตรง

 

Search Ads คืออะไร และเหมาะกับใคร

Search Ads คือโฆษณาที่แสดงผลบนหน้าผลการค้นหาของ Google เมื่อผู้ใช้งานพิมพ์คำค้นหาที่เกี่ยวข้องกับสินค้า บริการ หรือปัญหาที่กำลังต้องการคำตอบ โฆษณารูปแบบนี้จะปรากฏอยู่ในตำแหน่งด้านบนหรือด้านล่างของผลการค้นหา และถูกออกแบบมาเพื่อจับความต้องการของผู้ใช้งานในจังหวะที่พวกเขาพร้อมตัดสินใจมากที่สุด

ตัวอย่างเช่น หากมีคนค้นหาคำว่า “รับทำเว็บไซต์บริษัท” หรือ “บริษัทรับทำเว็บไซต์ในกรุงเทพ” โฆษณา Search Ads ของเอเจนซี่ที่ตั้งค่าแคมเปญไว้ก็จะปรากฏขึ้นทันที ผู้ค้นหากลุ่มนี้มักมีความตั้งใจชัดเจน ต้องการติดต่อหรือเปรียบเทียบบริการ ทำให้โอกาสในการเปลี่ยนผู้ชมให้กลายเป็นลูกค้าสูงกว่าโฆษณาประเภทอื่น

Screenshot 2025 12 30 093302 e1767062188327

Search Ads จึงเหมาะกับธุรกิจที่ต้องการผลลัพธ์เชิง Conversion ไม่ว่าจะเป็นการกรอกฟอร์ม โทรสอบถาม หรือสั่งซื้อสินค้า ธุรกิจบริการ เช่น รับทำเว็บไซต์ คลินิก โรงแรม บริษัทกฎหมาย หรือธุรกิจที่มีสินค้าเฉพาะเจาะจง มักเห็นผลชัดเจนจากโฆษณาประเภทนี้ เพราะสามารถเลือกยิงไปยังคำค้นหาที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้โดยตรง

 

Display Ads คืออะไร และเหมาะกับใคร

Display Ads คือโฆษณาที่แสดงผลในรูปแบบของภาพ แบนเนอร์ หรือวิดีโอสั้น โดยจะไปปรากฏอยู่บนเว็บไซต์ แอปพลิเคชัน หรือแพลตฟอร์มต่าง ๆ ที่อยู่ในเครือข่าย Google Display Network แทนที่จะรอให้ผู้ใช้งานค้นหาคำใดคำหนึ่ง โฆษณาประเภทนี้จะถูกนำไปแสดงให้กับกลุ่มเป้าหมายตามพฤติกรรม ความสนใจ หรือเว็บไซต์ที่เคยเข้าไปเยี่ยมชม

ตัวอย่างเช่น ผู้ใช้งานคนหนึ่งเคยเข้าไปดูเว็บไซต์เกี่ยวกับออกแบบเว็บไซต์ หรืออ่านบทความด้านการตลาดดิจิทัล หลังจากนั้นเมื่อเข้าไปอ่านข่าว ดูบล็อก หรือใช้งานแอปต่าง ๆ ก็อาจเห็นแบนเนอร์โฆษณาของเอเจนซี่รับทำเว็บไซต์ปรากฏขึ้น การแสดงผลลักษณะนี้ช่วยให้แบรนด์ยังคงอยู่ในสายตาของกลุ่มเป้าหมาย แม้ในช่วงที่พวกเขายังไม่ได้ตั้งใจค้นหาบริการโดยตรง

Google Display ad on Bangkok Posts

Display Ads เหมาะกับธุรกิจที่ต้องการสร้างการรับรู้ เพิ่มความคุ้นเคยกับแบรนด์ หรือสื่อสารภาพลักษณ์ในวงกว้าง โดยเฉพาะแบรนด์ใหม่ ธุรกิจที่มีรอบการตัดสินใจค่อนข้างยาว หรือบริการที่ลูกค้าต้องใช้เวลาเปรียบเทียบหลายตัวเลือก โฆษณาประเภทนี้ช่วยทำหน้าที่วางตำแหน่งแบรนด์ให้ผู้บริโภคจดจำได้ก่อนที่จะตัดสินใจ

 

เปรียบเทียบ Search Ads กับ Display Ads

 

หัวข้อเปรียบเทียบ Search Ads Display Ads
ลักษณะโฆษณา โฆษณาข้อความที่แสดงบนหน้าผลการค้นหาของ Google โฆษณาแบบภาพ แบนเนอร์ หรือวิดีโอ ที่แสดงบนเว็บไซต์และแอปในเครือข่าย Google
วิธีการแสดงผล แสดงเมื่อผู้ใช้ค้นหาคีย์เวิร์ดที่ตั้งไว้ แสดงตามพฤติกรรม ความสนใจ หรือเว็บไซต์ที่กลุ่มเป้าหมายเคยเข้า
ความตั้งใจของผู้ใช้งาน มีความต้องการชัดเจน กำลังมองหาสินค้าหรือบริการ ยังไม่ได้ตั้งใจซื้อ แต่อยู่ในช่วงรับรู้หรือเปรียบเทียบ
เป้าหมายหลัก เพิ่มยอดขาย การติดต่อ หรือ Conversion สร้างการรับรู้และความคุ้นเคยกับแบรนด์
ระยะเวลาเห็นผล เห็นผลค่อนข้างเร็ว หากเลือกคีย์เวิร์ดถูกต้อง เหมาะกับการสร้างผลลัพธ์ระยะกลางถึงยาว
ตัวอย่างการใช้งาน ค้นหาคำว่า “รับทำเว็บไซต์บริษัท” แล้วเห็นโฆษณาขึ้นทันที เคยเข้าเว็บเกี่ยวกับการตลาด แล้วเห็นแบนเนอร์โฆษณาตามเว็บไซต์อื่น
เหมาะกับธุรกิจแบบไหน ธุรกิจบริการ สินค้าที่ต้องการยอดขายหรือ Lead ทันที แบรนด์ใหม่ ธุรกิจที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์และการจดจำ
บทบาทในแผนการตลาด ปิดการขายในช่วงท้ายของการตัดสินใจ ปูทางและสร้างการรับรู้ก่อนการตัดสินใจ

ธุรกิจควรเลือก Search Ads หรือ Display Ads

คำถามที่เจ้าของธุรกิจมักถามกันบ่อยคือ ควรเลือกยิง Search Ads หรือ Display Ads แบบไหนถึงจะคุ้มค่าที่สุด ความจริงแล้วไม่มีคำตอบตายตัว เพราะโฆษณาทั้งสองประเภทถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์คนละช่วงของการตัดสินใจของลูกค้า สิ่งสำคัญคือการมองให้ชัดว่าธุรกิจอยู่ในจุดไหน และต้องการผลลัพธ์แบบใด

หากธุรกิจของคุณต้องการยอดขายหรือการติดต่อเข้ามาในระยะสั้น Search Ads มักเป็นตัวเลือกที่เหมาะกว่า เพราะสามารถเข้าถึงกลุ่มคนที่กำลังค้นหาสินค้าหรือบริการอยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น ธุรกิจรับทำเว็บไซต์ คลินิก หรือบริการเฉพาะทาง ลูกค้ามักเริ่มจากการค้นหาบน Google เมื่อโฆษณาปรากฏในจังหวะที่เหมาะ โอกาสในการเปลี่ยนผู้ค้นหาให้กลายเป็นลูกค้าจะสูงขึ้นอย่างชัดเจน

ในทางกลับกัน หากเป็นแบรนด์ใหม่ หรือธุรกิจที่ลูกค้าต้องใช้เวลาในการตัดสินใจ Display Ads จะช่วยสร้างการรับรู้และความคุ้นเคยได้ดีกว่า การแสดงภาพหรือข้อความโฆษณาซ้ำ ๆ กับกลุ่มเป้าหมายที่สนใจ ทำให้แบรนด์ถูกจดจำ แม้ผู้ชมจะยังไม่พร้อมติดต่อในทันที แต่มีแนวโน้มจะนึกถึงแบรนด์คุณเมื่อเริ่มค้นหาจริงจัง

สำหรับหลายธุรกิจ การเลือกใช้โฆษณาเพียงรูปแบบเดียวอาจไม่เพียงพอ การผสมผสาน Search Ads และ Display Ads อย่างเหมาะสมช่วยให้แผนการตลาดสมบูรณ์มากขึ้น Display Ads ทำหน้าที่ปูทาง สร้างการรับรู้ และดึงความสนใจ ขณะที่ Search Ads เข้ามารองรับความต้องการในช่วงที่ลูกค้าพร้อมตัดสินใจ วิธีนี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายและใช้งบโฆษณาได้คุ้มค่ากว่าในระยะยาว

 

ทิปในการเลือก Search Ads และ Display Ads ให้เหมาะกับธุรกิจ

  1. ดูเป้าหมายหลักของธุรกิจเป็นอันดับแรก

ก่อนตัดสินใจเลือกประเภทโฆษณา ควรถามตัวเองให้ชัดว่าต้องการผลลัพธ์แบบใด หากเป้าหมายคือยอดขาย การติดต่อ หรือการกรอกฟอร์ม Search Ads มักตอบโจทย์มากกว่า เพราะเข้าถึงคนที่กำลังมองหาบริการอยู่แล้ว แต่ถ้าต้องการให้แบรนด์เป็นที่รู้จักในวงกว้าง Display Ads จะช่วยสร้างการมองเห็นและความคุ้นเคยได้ดี

  1. พิจารณาพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย

กลุ่มลูกค้าบางประเภทตัดสินใจเร็ว ขณะที่บางธุรกิจลูกค้าต้องใช้เวลาเปรียบเทียบ หากกลุ่มเป้าหมายมีแนวโน้มค้นหาข้อมูลบน Google ก่อนตัดสินใจ Search Ads จะทำงานได้ดี แต่ถ้าลูกค้ามักเสพคอนเทนต์ อ่านข่าว หรือท่องเว็บไซต์ต่าง ๆ Display Ads จะช่วยให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในสายตาของพวกเขาได้บ่อยขึ้น

  1. ประเมินงบประมาณและความคุ้มค่า

Search Ads มักมีค่าใช้จ่ายต่อคลิกสูงกว่าบางกลุ่มคีย์เวิร์ด แต่แลกกับคุณภาพของผู้เข้าชมที่มีโอกาสกลายเป็นลูกค้าสูง Display Ads สามารถกระจายงบไปได้กว้างกว่า เหมาะกับการสร้างการรับรู้ หากงบมีจำกัด การเลือกโฟกัสรูปแบบที่ตรงเป้าหมายที่สุดจะช่วยลดการสูญเสียงบโดยไม่จำเป็น

  1. ดูความพร้อมของเว็บไซต์หรือหน้า Landing Page

หากเว็บไซต์ยังไม่พร้อมปิดการขาย เช่น ข้อมูลไม่ชัด ฟอร์มติดต่อซับซ้อน หรือหน้าเว็บโหลดช้า การยิง Search Ads อาจยังไม่เห็นผลเต็มที่ ในกรณีนี้ Display Ads สามารถใช้เป็นตัวเริ่มต้นเพื่อสร้างการรับรู้ไปพร้อมกับการปรับปรุงเว็บไซต์ เมื่อทุกอย่างพร้อมแล้วค่อยเพิ่มน้ำหนักไปที่ Search Ads

  1. อย่ามองว่าเลือกได้เพียงแบบเดียว

หลายธุรกิจได้ผลลัพธ์ดีที่สุดจากการใช้ Search Ads และ Display Ads ร่วมกัน Display Ads ช่วยทำให้ลูกค้าจดจำแบรนด์ ขณะที่ Search Ads รองรับช่วงที่ลูกค้าพร้อมตัดสินใจ วิธีนี้ช่วยเพิ่มโอกาสในการปิดการขายและทำให้แผนการตลาดมีความต่อเนื่องมากขึ้น

 

สรุป

Search Ads และ Display Ads ต่างมีบทบาทสำคัญในการทำการตลาดออนไลน์ แต่ทำหน้าที่คนละช่วงของการตัดสินใจของลูกค้า การเข้าใจความแตกต่างของโฆษณาทั้งสองประเภทช่วยให้ธุรกิจเลือกใช้เครื่องมือได้ตรงเป้าหมาย ไม่ใช่แค่ยิงโฆษณาให้เห็นเยอะ แต่ต้องเห็นแล้วเกิดผลลัพธ์จริง

สิ่งสำคัญที่สุดคือการเริ่มต้นจากเป้าหมายของธุรกิจ กลุ่มเป้าหมาย และความพร้อมของเว็บไซต์ เมื่อวางกลยุทธ์ได้ถูกต้อง Google Ads จะไม่ใช่เพียงค่าใช้จ่ายด้านโฆษณา แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยสร้างการเติบโตให้ธุรกิจได้อย่างต่อเนื่องและวัดผลได้จริง

หากคุณกำลังมองหาทีมที่เข้าใจทั้งการวางกลยุทธ์โฆษณา การเลือกใช้ Search Ads และ Display Ads ให้เหมาะกับธุรกิจ รวมถึงการเชื่อมต่อกับเว็บไซต์ที่พร้อมสร้าง Conversion ทีมงาน Digital Agency Bangkok พร้อมช่วยดูแลตั้งแต่การวางแผน ไปจนถึงการปรับแคมเปญให้เกิดผลลัพธ์สูงสุด

ติดต่อสอบถาม ปรึกษาฟรี

โทร: 098-7655-243 หรือ 098-7655-701

Email: [email protected]

Line Whatsapp