เว็บไซต์อีคอมเมิซ แตกต่างกับเว็บไซต์ทั่วไปยังไง
ในโลกดิจิทัล การมีเว็บไซต์ที่มีประสิทธิภาพสูงถือเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างตัวเองให้เป็นธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมาย วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจประเภทของเว็บไซต์หลักๆที่เป็นที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายคือ เว็บไซต์ทั่วไป และ เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ซึ่งเว็บไซต์สองแบบนี้มีความแตกต่างกันที่ฟังก์ชั่นการใช้งาน และความต้องการของระบบฐานข้อมูลที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นจึงทำให้ต้องใช้การเขียนโปรแกรมและการพัฒนาในระดับที่ต่างกันด้วย โดยเว็บไซต์อีคอมเมิซและเว็บไซต์ทั่วไปมีรายละเอียดที่แตกต่างกันดังนี้
ด้านฟังก์ชันการทำงาน
เว็บไซต์ทั่วไป: มักเน้นการแสดงข้อมูล เช่น เว็บไซต์บริษัท องค์กร หรือบล็อก ที่มีเนื้อหาคงที่ (Static Content) หรือเน้นการให้ข้อมูลข่าวสารเป็นหลัก คือเว็บไซต์ที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อส่งเสริมและสนับสนุนธุรกิจขององค์กรหรือบริษัท ไม่ว่าจะการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการขององค์กร รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์เพื่อสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายผู้ใช้ ช่วยให้รับรู้ถึงคุณค่าจุดเด่นธุรกิจได้ง่ายขึ้น
เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ: เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซถูกสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการในการซื้อของออนไลน์ เป็นเว็บไซต์ที่ออกแบบมาเพื่อการขายโดยเฉพาะ ตั้งแต่สินค้าที่จับต้องได้ เช่น เฟอร์นิเจอร์ในบ้าน อุปกรณ์เทคโนโลยี ผลิตภัณฑ์ดูแลผิว ไปจนถึงสินค้าดิจิทัล เช่น หลักสูตร หนังสืออิเล็กทรอนิกส์ ภาพยนตร์ เป็นต้นมีระบบที่รองรับการทำธุรกรรมออนไลน์ เช่น ตะกร้าสินค้า (Shopping Cart), ระบบชำระเงิน (Payment Gateway), และฟังก์ชันจัดการสินค้า (Inventory Management)
ด้านการออกแบบโครงสร้าง
เว็บไซต์ทั่วไป: มักมีหน้าเว็บเพจจำนวนไม่มาก เน้นโครงสร้างเรียบง่าย เช่น หน้าหลัก (Home), เกี่ยวกับเรา (About), ติดต่อเรา (Contact)
เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ: มีโครงสร้างซับซ้อน เช่น หน้าสินค้า (Product Pages), หน้าโปรโมชั่น, หน้าการสมัครสมาชิก,ระบบการจัดการสินค้า, และระบบติดตามสถานะการสั่งซื้อ
ด้านประสบการณ์ผู้ใช้ (User Experience)
เว็บไซต์ทั่วไป: เว็บไซต์ประเภทนี้มุ่งเน้นการนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับองค์กร บริการ หรือหัวข้อเฉพาะทาง เช่น เว็บไซต์ของบริษัท, เว็บไซต์ข่าวสาร, หรือเว็บไซต์ความรู้ เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและความไว้วางใจแก่ผู้เยี่ยมชม ดึงดูดความสนใจเน้นการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจ เช่น บทความ รูปภาพ หรือวิดีโอ เพื่อให้ผู้เยี่ยมชมใช้เวลาอยู่ในเว็บไซต์นานขึ้น
เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ: เป็นหนึ่งในหลาย ๆ วิธีที่ผู้คนใช้ซื้อและค้าขายปลีก บางบริษัทเน้นขายของออนไลน์อย่างเดียว แต่ในอีกหลายแห่ง Ecommerce เป็นช่องทางค้าขายที่เป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การตลาดที่รวมไปถึงการมีหน้าร้านและช่องทางสร้างกำไรอื่น ๆ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะทางไหน Ecommerce ก็ทำให้ทั้งสตาร์ทอัพ ธุรกิจขนาดเล็กและบริษัทใหญ่ได้ขยายการขายสินค้า แถมได้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าทั่วโลกโดยออกแบบมาเพื่อให้ผู้ใช้สามารถค้นหา เลือกซื้อ และชำระเงินได้ง่ายที่สุด เช่น ระบบกรองสินค้า การเปรียบเทียบราคา และการออกแบบ Mobile-friendly
ด้านความปลอดภัย
เว็บไซต์ทั่วไป: เว็บไซต์ทั่วไปที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมออนไลน์ (เช่น การชำระเงินหรือการซื้อขายสินค้า) มักจะ ใช้มาตรการความปลอดภัยพื้นฐาน เพื่อป้องกันข้อมูลส่วนตัวของผู้เยี่ยมชมและปกป้องเว็บไซต์จากการถูกโจมตี เช่น ชื่อ อีเมล เบอร์โทรศัพท์ หรือข้อความที่ส่งผ่านแบบฟอร์มติดต่อ ลดความเสี่ยงที่ข้อมูลจะถูกดักจับหรือถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ: เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซต้องใช้การรักษาความปลอดภัยที่สูงขึ้น เนื่องจากเกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมออนไลน์ เช่น การชำระเงิน การจัดเก็บข้อมูลส่วนตัว และข้อมูลทางการเงินของลูกค้า ความปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยป้องกันการโจรกรรมข้อมูลและสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้งาน เช่น การเข้ารหัสข้อมูล (SSL), ระบบป้องกันการโจรกรรมข้อมูลบัตรเครดิตเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยเข้ารหัสข้อมูลระหว่างผู้ใช้งาน (Client) และเว็บไซต์ (Server) เพื่อป้องกันการดักจับข้อมูลระหว่างการส่งผ่านเครือข่าย เช่น ชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และข้อมูลบัตรเครดิตจากการถูกดักจับโดยบุคคลที่สาม เว็บไซต์ที่ใช้ SSL จะมี URL ขึ้นต้นด้วย "https://" และแสดงสัญลักษณ์แม่กุญแจในเบราว์เซอร์
การจัดการหลังบ้าน (Content Management System)
เว็บไซต์ทั่วไป: เว็บไซต์ทั่วไปที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมออนไลน์ส่วนใหญ่ การจัดการข้อมูลมักจะเน้นไปที่การอัปเดตข้อมูลพื้นฐาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเพิ่มหรือแก้ไขเนื้อหาบนหน้าเว็บไซต์ โดยมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างจากเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่ต้องมีการจัดการข้อมูลที่ซับซ้อนกว่า เช่น ข้อมูลการชำระเงิน หรือข้อมูลลูกค้า
เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ: เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซต้องการระบบหลังบ้าน (Backend) ที่ซับซ้อนและมีฟังก์ชันหลากหลายเพื่อรองรับการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการขายสินค้าและบริการออนไลน์ ระบบหลังบ้านเหล่านี้ช่วยให้การจัดการและติดตามข้อมูลต่างๆ ทำได้ง่ายและมีประสิทธิภาพ เช่น ระบบจัดการคลังสินค้า , การตรวจสอบสต็อกแบบเรียลไทม์ , การตั้งค่าการแจ้งเตือนสินค้าใกล้หมด , การจัดหมวดหมู่สินค้า เป็นต้น
ตารางเปรียบเทียบการทำงานระหว่างเว็บไซต์ทั่วไป และ เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ
ด้านการเปรียบเทียบ | เว็บไซต์ทั่วไป | เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ |
---|---|---|
ฟังก์ชันการทำงาน | - เน้นการแสดงข้อมูล เช่น ข้อมูลองค์กร บริการ ผลิตภัณฑ์ - สนับสนุนภาพลักษณ์ธุรกิจ - เนื้อหาคงที่ (Static Content) |
- รองรับการขายสินค้าและบริการออนไลน์ - มีฟังก์ชันสำหรับทำธุรกรรม เช่น ตะกร้าสินค้า ระบบชำระเงิน และจัดการสินค้า |
การออกแบบโครงสร้าง | - โครงสร้างเรียบง่าย - หน้าหลัก, เกี่ยวกับเรา, ติดต่อเรา |
- โครงสร้างซับซ้อน - หน้าสินค้า, หน้าโปรโมชั่น, ระบบจัดการสินค้า, ติดตามคำสั่งซื้อ |
ประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) | - นำเสนอข้อมูลเนื้อหาเชิงข้อมูล - ดึงดูดด้วยบทความ วิดีโอ รูปภาพ เพื่อเพิ่มเวลาในการใช้งานเว็บไซต์ |
- มุ่งเน้นให้ผู้ใช้ค้นหา เลือกซื้อ และชำระเงินได้ง่าย - รองรับฟังก์ชันเสริม เช่น ระบบกรองสินค้า เปรียบเทียบราคา ออกแบบ Mobile-friendly |
ความปลอดภัย | - ใช้มาตรการพื้นฐานป้องกันข้อมูลส่วนตัว เช่น อีเมล เบอร์โทรศัพท์ - ลดความเสี่ยงข้อมูลถูกดักจับ |
- ใช้การเข้ารหัส SSL, ระบบป้องกันข้อมูลบัตรเครดิต - มี URL ขึ้นต้นด้วย "https://" และสัญลักษณ์แม่กุญแจในเบราว์เซอร์ |
การจัดการหลังบ้าน (Back-end) | - เน้นการอัปเดตข้อมูลพื้นฐาน เช่น เนื้อหาบนเว็บไซต์ | - ระบบจัดการซับซ้อน - มีฟังก์ชัน เช่น ระบบจัดการคลังสินค้า ตรวจสอบสต็อกแบบเรียลไทม์ แจ้งเตือนสินค้าใกล้หมด และหมวดหมู่สินค้า เป็นต้น |